Trend Micro

องค์กรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วโลกกำลังตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรง เนื่องจากข้อมูลที่ล้วงระบบออกมาได้มีมูลค่าสูงเยอะขึ้นมาก อีกทั้งยกพบการเชื่อมโยงกับการโจมตีระดับชาติอีกด้วย

Trend Micro ได้ประกาศว่า ตนได้รับการจัดอันดับผู้นำสูงสุด และดีที่สุดในฐานะ Leaders Quadrant ด้านความสามารถในการดำเนินงานและตอบสนองต่อความต้องการที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในรายงาน Magic Quadrant for Endpoint Protection Platforms (EPP) ปี 2560 ของ Gartner

ทางบล็อกของ Trend Micro ได้จูงมือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชั้นนำจาก XentIT อย่าง Deborah Larkins มาอธิบายเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยในปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นโกลด์พาร์ทเนอร์ของ Trend Micro ที่ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดที่กำลังจะออกอย่าง Deep Security 10 ด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้น ทางทีมงานเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินทางคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ หรือ US-CERT ได้ออกแถลงการณ์คำแนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับช่องโหว่ของหน่วยความจำที่กระทบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์หลายตัว ซึ่งอาจถูกอาชญากรไซเบอร์ใช้โจมตีแบบ DoS ได้

จากเหตุการณ์บั๊กครั้งใหญ่ของระบบ MongoDB ทำให้แฮ็กเกอร์โดนแหวกหญ้าให้ตื่น ต่างเบนเข็มมาเล่นงานระบบฐานข้อมูลน้องใหม่อิสระทั้งหลายอื่นอีก เช่น ElasticSearch, Hadoop โดยเฉพาะระบบที่เปิดให้เข้าถึงได้จากสาธารณะ ทั้งนี้ต้องเข้าใจเทรนด์ใหม่ว่า “ข้อมูล” ได้กลายเป็นทรัพย์สินที่ “ทำเงินได้มหาศาล” ไปแล้วสำหรับยุคนี้

จากการศึกษาของทาง Trend Micro ผ่านเสิร์ชเอนจิ้นสำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะอย่าง Shodan ซึ่งพบว่ามีอุปกรณ์เชื่อมต่อกว่า 178 ล้านเครื่อง ตั้งแต่เราเตอร์ ไปจนถึงปริ๊นเตอร์ หรืออุปกรณ์ด้านฐานข้อมูล ที่มีช่องโหว่ให้เข้าโจมตีได้ ซึ่งพบในเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ กว่า 10 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นกรุงนิวยอร์ก, ชิคาโก้, ฮูสตัน, ฟิลาเดเฟีย, ฟีนิกส์, ซาน แอนโตนิโอ, ซานดิเอโก้, ดัลลัส, และซานโจเซ่

องค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งมักมีโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่ระบบ AIX, Solaris, และวินโดวส์ 2003 สะสมเป็นพิพิธภัณฑ์เข้ามาเรื่อยๆ จนถึงยุคปัจจุบันที่รับเอาสถาปัตยกรรมใหม่อันได้แก่คลาวด์ และระบบคอนเทนเนอร์ ซึ่งเกือบทุกองค์กรล้วนยังต้องการใช้ประโยชน์จากเซิร์ฟเวอร์รุ่นดั้งเดิมของตัวเองไว้ด้วย จนเป็นที่มีของโครงสร้างพื้นฐานแบบผสานหรือไฮบริดจ์คลาวด์นั่นเอง

แน่นอนว่าอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนชีวิตของผู้คนให้สามารถเติมเต็มความต้องการต่างๆ ให้มีความสุขมากขึ้น, ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น, หรือแม้แต่ทำให้เรามีสังคมมากขึ้นได้ง่ายๆ และแน่นอนในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก Trend Micro ก็ได้เห็นมุมมืดมุมเหม็นเน่าของโลกออนไลน์มากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแฮ็กเกอร์, การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์, และการหลอกลวงต่างๆ

อันตรายบนโลกไซเบอร์นั้น ยิ่งนับวันยิ่งพัฒนาไปได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอันตรายแบบยุคดึกดำบรรพ์จะหายไป กลับกลายเป็นส่วนผสมของกองทัพภัยร้ายที่กำลังพลตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดมาจนถึงพวก GenX GenY GenZ ในปัจจุบัน

ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับความสามารถการตรวจจับอันตรายที่ไม่รู้จัก Deep Security 10 จึงรองรับทั้งการทำแซนด์บ็อกซ์ และฟีเจอร์ชั้นสูงใหม่ๆ ในอนาคตอย่างการเรียนรู้ด้วยตนเองหรือ Machine Learning รวมถึงเทคนิคป้องกันอันตรายอื่นๆ ที่ Trend Micro กำลังพัฒนาขึ้นอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง